ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า
ดูเหมือนว่ามันจะเลือนลางเหลือเกิน
เมื่อลืมตาขึ้นมาพบเพียงหยดน้ำที่เกาะอยู่บนกระจกหน้าต่าง เหมือนฝนเพิ่งหยุดตก แสงที่ส่องผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้ามา
ยิ่งทำให้สองตาที่เพิ่งเปิดขึ้นต้องปิดลงอีกครั้ง และแทบจะไม่อยากลืมตาขึ้นอีก
แต่จู่ๆ ดวงตาที่กำลังปิดนั้นก็เต็มไปด้วยน้ำตา
น้ำตาที่เมื่อคืนมันควรจะไหลแต่ไม่ไหลสักหยด เพิ่งจะมาไหลไม่ยั้งเอาในตอนเช้านี้
ความรู้สึกช้าไปหรือเปล่าหนอเรา
การอกหักมันเจ็บปวดทรมานเยี่ยงนี้นี่เอง
ทั้งที่เป็นคนเข้มแข็ง ไม่เคยร้องไห้กับอะไรง่ายๆ จนใครบางคนบอกว่าฉันเป็นคนเย็นชา
แม้แต่ตอนที่เขาบอกเลิกเมื่อคืนนี้ ฉันยังยอมรับมันด้วยดวงตาแห้งผาก
แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะมาเจ็บหนักเอาตอนเช้า เหมือนมีก้อนกลมๆ จุกอยู่ที่อก อย่างที่ใครๆ
เขาว่า ถ้าไม่ร้องไห้ระบายออกมา ไอ้ก้อนกลมๆ
นั่นมันคงอั้นอยู่ในอกจนเราอาจจะขาดใจตาย
แต่แค่เพียงสิบนาที น้ำตามันก็หยุดไหล หรือว่าใจของฉันมันจะเย็นชาจริงๆ
เงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง
ดูเหมือนว่าฟ้าจะร้องไห้แทนฉันเสียแล้ว ภายนอกนั่นฝนตกกระหน่ำประหนึ่งฟ้ารั่ว
เสียงฝนกระทบหลังคาบ้านเป็นจังหวะรัว ผสมด้วยเสียงฟ้าร้องครืนๆ แล้วฉันก็ยิ้มออกมา
ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเกาะหน้าต่างมองออกไปสู่สายฝนภายนอก จากรอยยิ้มเล็กๆ
บนใบหน้า กลายเป็นยิ้มกว้าง และหัวเราะในที่สุด
ชีวิตคนเราก็เป็นอย่างนี้ใช่ไหม
ใครกันจะร้องไห้ตลอดเวลา แล้วมีใครไหมที่จะหัวเราะได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน
ดูอย่างฉันซิ เมื่อกี๊ยังร้องไห้อยู่หยกๆ ตอนนี้ดันหัวเราะเสียได้
หัวเราะให้กับความเศร้าของตัวเองนะซิ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แข่งกับเสียงฝนตกข้างนอก
ในขณะที่ฉันยังยืนยิ้มเหม่อมองสายฝน พี่สาวที่เป็นทั้งพี่และเพื่อนสนิทคนเดียวของฉันก็โทรเข้ามา
“ไงแก ฝนตกหนักเชียว ไม่ออกไปไหนใช่ไหม
เดี๋ยวฉันเข้าไปหา จะให้ซื้ออะไรเข้าไปไหม”
“ขอน้ำใบบัวบกละกัน แก้ช้ำใน”
“แน่ะ ยังจะเล่นได้นะแก
อย่างนี้ก็ไม่น่าห่วงแล้วซิ”
“ห่วงนิดนึงก็ดีนะ แกรีบมาหน่อยละกัน ฉันหิว”
“อือ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถึง”
บนโลกบิดเบี้ยวใบนี้
แค่มีใครสักคนที่เข้าใจและอยู่เคียงข้างในยามที่เราต้องการ นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
สำหรับฉัน ไม่ต้องการคำปลอบโยนใดๆ แค่ให้รู้ว่าไม่ทิ้งกันก็พอ
หลังจากวันนั้น วันที่ฝนตกกระหน่ำ ฉันก็ไม่ได้เสียน้ำตาให้เรื่องของเราอีก
แม้แต่พี่สาวของฉันเองยังว่าว่าฉันเย็นชาเสียจริง ก็ทำไมล่ะ
ในเมื่อเขาไม่รักฉันแล้ว ร้องไห้เสียใจฉันก็ร้องไปแล้ว คงไม่มีอะไรที่ฉันจะทำได้มากกว่านี้อีก ทำได้แค่ยอมรับความเป็นจริงที่ว่า
เราสองคนเป็นแค่เพียงความทรงจำของกันและกันไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าการไม่ร้องไห้
หมายถึงฉันลบความเศร้าทิ้งไปได้หมดแล้ว ฉันก็ยังคิดถึงเขา ยังเสียดายวันเวลา
เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูแล้ว ความผิดทั้งหมด มันก็อยู่ที่ฉันนี่เอง
ความทรงจำอันเลือนลางของสองเรา คบกันมา 7 ปี 7 ปีที่ช่างยาวนาน
แต่มีความทรงจำดีดีตอนไหนที่ฉันจำได้แม่นๆ บ้างไหมหนอ ครั้งที่เขามาขอคบกันเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย
จำได้เพียงว่านั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ เพื่อนคนหนึ่งซึ่งคุ้นหน้าว่าเรียนห้องเดียวกัน
เดินเข้ามาทัก แล้วจู่ๆ เขาก็บอกว่าชอบ รายละเอียดอื่นๆ
หรือว่าเราคุยอะไรกันก่อนหน้านั้น หรือหลังจากนั้น มันเลือนลางมากจนแทบจำไม่ได้ แม้กระทั่งเดทแรก
เรื่องนี้ซิที่จำไม่ได้จริงๆ แต่จำได้ว่าเคยทะเลาะกับเขา
เพราะฉันจำเรื่องเดทแรกของเราไม่ได้นี่แหละ
แล้วในวันฝนตก เรามีความทรงจำน่าประทับใจเหมือนคู่อื่นๆ
เขาบ้างไหมนะ หรือจะมี วันนั้น วันที่ฉันนั่งทำงานจนมืดค่ำ ถ้าเขาไม่โทรมาฉันก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่อง
เขาโทรมาเพราะเป็นห่วง เพราะเป็นวันที่ฝนตกหนักมาก พอรู้ว่าฉันยังไม่กลับ ก็รีบนั่งรถไฟฟ้ามาหา
ไม่ขับรถมาเพราะกลัวรถติด บอกว่าไม่ต้องก็ยังจะมา พอเขามาถึง ฉันก็เอาแต่บ่น
“จะมาทำไม กลับเองก็ได้
จะย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลาเสียเงินเปล่าทำไมก็ไม่รู้”
ครั้งหนึ่ง เขาถามฉันว่าเคยรักเขาบ้างไหม
“รักซิ”
ฉันตอบออกไปอย่างนั้น
“แต่การแสดงออกซึ่งความรักของคนเราต่างกัน
จะให้ฉันหวานแหวว เอาอกเอาใจ ฉันทำไม่เป็น”
และก็ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจ
เพราะหลังจากนั้นเขาก็ไม่ถามอีก หรือว่าเขาไม่เคยเข้าใจมันเลย
เคยถามเขาว่า ทำไมถึงรักกัน
“ไม่รู้ซิ ความรู้สึกไม่เคยมีเหตุผล”
เขาตอบฉันอย่างนั้น
“แต่ความสัมพันธ์ต้องมีเหตุผล
ความรักจึงจะมีความหมาย”
อย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นฉันก็คงไม่เคยมีเหตุผล
เพราะความรักและความสัมพันธ์ของเรามันไร้ความหมายสำหรับเขาเสียแล้ว
ฉันเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า ฉันเฉยชามากไปจริงๆ
หรือ ไม่เคยแม้กระทั่งคิดจะบอกให้เขาตัดใจเลิกรา ทั้งที่ไม่ค่อยมีเวลาให้เขา
ทำแต่งาน งาน งาน จนลืมวันเกิดเขา ลืมวันครบรอบ ลืมอะไรหลายอย่างที่ควรจะจำ
หรือจะเรียกว่าไม่เคยจำดีหนอ
“ปากพร่ำพูดว่ารัก แต่ไม่เอาใจใส่ ไม่ดูแล ทิ้งๆ
ขว้างๆ แล้วจะเรียกว่ารักได้หรือ”
ฉันเคยโดนพี่สาวบ่นอย่างนั้น แต่ก็ไม่เคยใส่ใจ จนกระทั่งวันที่เขาเอ่ยลา
จึงนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาได้
เมื่อเหตุผลของการขอเลิกนั้น
คือเขาได้พบเจอหญิงสาวผู้อ่อนโยน รักและดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน
และเข้าใจกันมากกว่า ฉันจึงไม่อาจหน้าด้านขอโอกาสแก้ตัว แม้จะรู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดอะไรลงไปบ้าง
แต่ก็รู้ตัวเมื่อสายเกินไป
ลมแรง พัดพาเศษใบไม้ปลิวว่อนอยู่ด้านนอกบ้าน
ประตูหน้าต่างถูกลมพัดกระแทกเสียงดังตึงตัง แต่ไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกลงมา
ลมพัดอย่างกับว่าเป็นลมหนาว แต่อากาศไม่หนาวเลยสักนิด ถ้าลมแรงขนาดนี้สามารถพัดพาความเศร้าออกไปจากใจได้คงดี
แต่ไม่ว่าลมจะพัดรุนแรงเป็นพายุขนาดไหน สิ่งที่อยู่ในใจก็ยังคงติดอยู่เหมือนเดิม
มีแต่ตัวเราเองเท่านั้น ที่เป็นผู้เลือกที่จะเก็บมันไว้ หรือจะลบมันออกไป
แต่ถึงแม้ว่าเราเลือกที่จะลบมันออกไปแล้ว
ก็ไม่มีวันที่ร่องรอยนั้นจะหายไปจนหมดสิ้น มันยังคงทิ้งรอยจางๆ เลือนลางอยู่ในใจ
เก็บไว้ให้เราได้คิดถึงในวันใดวันหนึ่งเสมอ